6 August, 2021 : By Admin Web3



 

อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างกับวิกฤตโควิด-19

 

  “อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างในประเทศไทย”เป็นหนึ่งในธุรกิจหลักที่ส่งผลต่อการเติบโตของ GDP ของประเทศไทย และยังเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้มีอัตราการจ้างงานสูงขึ้น ปัจจุบันบริษัทที่จดทะเบียนบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใต้หมวดหมู่ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมีทั้งสิ้น 22 บริษัท มูลค่าตลาดโดยรวมของธุรกิจในกลุ่มนี้อยู่ที่ประมาณ 1 แสนล้านบาท กลุ่มลูกค้าแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักคือ กลุ่มงานราชการและงานเอกชน มีสัดส่วนอยู่ที่ 55:45 กลุ่มงานราชการหลักเป็นงานเกี่ยวกับการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ในขณะที่งานเอกชนเป็นการก่อสร้างที่พักอาศัย เช่น คอนโดมิเนียมและบ้านพัก สืบเนื่องจากกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ จากทางรัฐบาล ทำให้โครงการใหญ่ๆ หรือที่เรียกว่าเมกะโปรเจค จะถูกประมูลโดยบริษัทขนาดใหญ่เท่านั้น ในส่วนของบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดกลางและเล็กจะได้งานจากกลุ่มงานราชการในลักษณะรับเหมาช่วง หรือเป็น subcontract จากบริษัทใหญ่

 

 

  สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ฯ ได้นำเสนอบทความเรื่อง “การปรับตัวเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างต่อวิกฤตโควิด-19” สรุปได้ว่า ผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ทำให้โครงการภาคเอกชนหลายๆ โครงการต้องถูกเลื่อนระยะเวลาการก่อสร้างออกไปอย่างไม่มีกำหนด บางโครงการอาจถูกยกเลิกไป ซึ่งยังไม่ส่งผลที่ชัดเจนมากนักในไตรมาสแรกของปี 2563 เนื่องจากการมียอดรายรับที่ได้ขายหรือถูกจองไปก่อนหน้านี้ รายรับรวมของอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างของไตรมาสแรกอยู่ที่ 34,365 ล้านบาท หรือเติบโต 2% จากปี 2562 ถึงแม้ยอดขายจะไม่แตกต่างจากปีก่อน แต่ในส่วนของกำไรนั้นลดลงมากถึง 828 ล้านบาท หรือคิดเป็นการหดตัวของกำไรถึง 74% เมื่อเทียบกับปี 2562 สาเหตุหลักมาจากผลกระทบ ทั้งทางตรงและทางอ้อมจากโควิด-19 อาทิ มูลค่าตลาดลดลงอย่างมากเนื่องจากราคาหุ้นในตลาดดิ่งลงอย่างรุนแรงในเดือนมีนาคม-พฤษภาคม และผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งผลจากการที่โครงการก่อสร้างจะถูกเลื่อนและยกเลิกไปนั้นจะเริ่มเห็นผลชัดเจนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ถึงไตรมาสแรกของปีหน้า

 

 

  ผลกระทบหนักที่สุดของอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างคือบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กที่ไปรับเหมาช่วงต่อมาอีกที ซึ่งอาจส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรงและทำให้ต้องปิดกิจการลงไปในที่สุด ซึ่งจะส่งผลทำให้เกิดความล่าช้าในการก่อสร้าง โครงการต้องแบกรับต้นทุนทั้งด้านค่าแรง ดอกเบี้ยเงินกู้ และขาดความสามารถที่จะชำระหนี้ในที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วบริษัทรับเหมาก่อสร้างมักจะมีโครงสร้างของเงินทุนที่มาจากการกู้เงินเป็นส่วนใหญ่

 

 

  ในสหรัฐอเมริกา นายเคน ซิมอนซัน Chief economist ของ AGC ได้ทำการสำรวจผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ต่ออุตสาหกรรมธุรกิจก่อสร้างจำนวน 909 บริษัท พบว่า

 

  • 28% ได้หยุดโครงการที่กำลังจะก่อสร้างในอนาคต
  • 11% หยุดงานก่อสร้างที่กำลังดำเนินงานอยู่
  • 22% ได้รับการแจ้งว่าผู้รับเหมาย่อยจะขอเลื่อนส่งงานหรือขอยกเลิกงาน
  • 16% ขาดวัสดุก่อสร้าง
  • 8% ได้รับการรายงานผู้ติดเชื้อในคนงานและอาจจะมีการแพร่ระบาดในส่วนหน้างานก่อสร้างได้

 

  สำหรับการบริหารจัดการวิกฤตครั้งนี้ บริษัทธุรกิจก่อสร้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กควรวางแผนเพื่อรองรับผลกระทบและปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ปัญหาหลักที่จะพบคือการยกเลิกหรือยืดระยะเวลาในการก่อสร้างออกไป เพราะการซื้อขายในตลาดอสังหาริมทรัพย์จะมีแนวโน้มลดต่ำลงทั้งในช่วงและหลังวิกฤตโควิด-19 บริษัทควรเตรียมเงินสดเพื่อรักษาสภาพคล่องภายในบริษัทและรักษาการเป็นลูกหนี้ชั้นดี ถ้ากลุ่มธุรกิจก่อสร้างไม่ได้รับการสนับสนุนที่ดีจากภาครัฐ อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรง เปรียบเสมือนถูกคลื่นระลอกใหญ่ที่ซัดให้เศรษฐกิจของประเทศไทยต้องตกอยู่ในที่นั่งลำบากอีกครั้ง ซึ่งมีแนวโน้มที่อาจจะหนักกว่าทุกๆ วิกฤตเศรษฐกิจที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ดังนั้นเพื่อความอยู่รอด บริษัทที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์จำเป็นต้องปรับตัวตามสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป บทความ“การปรับตัวเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างต่อวิกฤตโควิด-19” โดย

 

  • ศ.ดร.ศิริมล ตรีพงษ์กรุณา University of Western Australia
  • รศ.ดร.พัฒนาพร ฉัตรจุฑามาส Sasin School of Management
  • ศ.ดร.ภรศิษฐ์ จิราภรณ์ Pennsylvania State University
  • น.ส.นพรัตน์ วงศ์สินหิรัญ Sasin PhD. candidate
  • น.ส.ณลินี เด่นเลิศชัยกุล Sasin Ph.D. candidate