อย่างที่กล่าวไปตอนต้นว่า เทคโนโลยีดิจิตอลมีข้อดีหลายอย่างที่จะขับเคลื่อนวงการโดยเฉพาะวงการศิลปะ ย้อนไปก่อนหน้านี้ไม่กี่ปี หากต้องการนำภาพวาดเข้าสู่ระบบดิจิตอล ก็ต้องมีการใช้เครื่องสแกน (scanner) ในการนำข้อมูลเข้าสู่ระบบ ต่อมาเมื่อเทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพบนโทรศัพท์สมาร์ทโฟนพัฒนาขึ้น จนมีความละเอียดที่เพียงพอจะใช้ถ่ายภาพเพื่อนำข้อมูลขึ้นสู่ระบบได้ แต่ก็ยังต้องพึ่งพาการวาดบนกระดาษก่อนอยู่ดี

นอกจากกระดาษแล้วการวาดภาพยังต้องอาศัยอุปกรณ์ต่างๆ ทั้ง ดินสอ พู่กัน แปรง สีประเภทต่างๆ ซึ่งล้วนแต่มีความยุ่งยากในการจัดเก็บ ดูแลรักษา รวมถึงบางอย่างมีราคาแพงและบางอย่างก็ใช้แล้วหมดไปด้วย จึงบอกได้ว่าเหล่านี้ล้วนเป็นอุปสรรคต่อผู้สร้างสรรค์ทั้งหลายไม่น้อยโดยเฉพาะกับผู้เริ่มต้นเข้าวงการ

จนเมื่อปากกาดิจิตอลและแท็บเลตจึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเข้ามาแก้ปัญหานี้ โดยการที่สามารถทำให้ผู้ใช้สามารถส่งจินตนาการสุดบรรเจิดลงไปบนคอมพิวเตอร์ได้โดยตรง ด้วยเมาส์ปากกาที่ถูกออกแบบให้คล้ายคลึงกับเครื่องเขียนจริงมากที่สุด และทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ต่างๆ ได้หลากหลาย ซึ่งหากเป็นซอฟต์แวร์สำหรับการวาดภาพ อาทิเช่น Bluescape, Magma และ Clip Studio Paint จะสามารถดึงศักยภาพของการวาดออกมาได้ดียิ่งขึ้น

ที่สำคัญคือ ซอฟต์แวร์เหล่านี้จะมีฟังก์ชั่นการเลือกอุปกรณ์วาดเขียนที่หลากหลาย เช่น หัวพู่กัน แปรง ปากกา มาร์กเกอร์ ดินสอ ชอล์ก หรือยางลบ และยังสามารถเลือกสีที่แตกต่างกันได้มากมาย ด้วยเหตุนี้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองเงินในการซื้ออุปกรณ์ทั้งหลายและสีประเภทต่างๆ อีกต่อไป รวมถึงสามารถแบ่งปันผลงานสร้างสรรค์ใหม่ๆ กับเพื่อนและผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียได้ทันทีโดยไม่ต้องสแกนให้เสียเวลา

เหมือนปากกาจริงที่สุด

Wacom ถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่มุ่งเน้นพัฒนา “เมาส์ปากกา” มาอย่างยาวนาน เชื่อว่าใครหลายคนย่อมค่อยได้ยินชื่อนี้มาบ้างหากกำลังมองหาฮาร์ดแวร์ประเภทนี้ ซึ่งประกอบด้วยตัวเมาส์ที่มีรูปร่างคล้ายปากกาเพื่อใช้สำหรับเขียน และตัวของแท็บเลตที่เปรียบเสมือนกระดาษสำหรับวาดนั่นเอง

ยิ่งไปกว่านั้นในเรื่องของแรงกดของตัวปากกานั้น สามารถรองรับระดับความแตกต่างกันได้มากถึง 8192 ระดับ และสามารถรับรู้ความเอียงของปากกาได้ 60 องศา (ขึ้นอยู่กับรุ่นของปากกา) เพื่อความเป็นธรรมชาติของน้ำหนักการลงเส้นมากที่สุด อีกทั้งยังสามารถใช้ได้ทั้งมือขวาและซ้าย รวมถึงมีสวิตช์ 2 ด้านบนตัวปากกาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถกำหนดฟังก์ชั่นการทำงานได้เหมือนกับเมาส์ปกติอีกด้วย

ทำได้มากกว่ากระดาษธรรมดา

ตัวแท็บเลตเองก็ถูกให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน ซึ่งมีการทำงานภายใต้แนวคิดว่า “รวมทุกสิ่งไว้ที่ปลายนิ้วมือคุณ” เพื่อขจัดความยุ่งยากในการสร้างสรรค์ผลงาน ด้วยการเพิ่มปุ่ม ExpressKeys ลงบนตัวแท็บเลต ที่เป็นปุ่มคีย์ลัดให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ (มีตั้งแต่รุ่น Intuos ขึ้นไป) รวมทั้ง Touch Ring ที่มีสามารถเพิ่มอีก 4 ฟังก์ชันได้อีกด้วย (สำหรับ Wacom Intuos Pro M และ L เท่านั้น) นอกจากนี้การเชื่อมต่อเพื่อใช้งานยังง่ายดายผ่านไดร์เวอร์ หรือในบางรุ่นสามารถเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ผ่านบลูทูธได้ด้วยการคลิกเพียงแค่ปุ่มเดียว หรือแม้แต่สามารถวาดลงบนแท็บเลตในรุ่นที่ตัวแท็บเลตสามารถแสดงผลเป็นหน้าจอได้โดยตรง เช่น Wacom รุ่น Cintiq

นอกจากการใช้กระดาษในวงการศิลปะที่กล่าวถึงไปแล้ว ยังมีการทำงานด้านอื่นๆ ที่ใช้กระดาษเป็นจำนวนมาก อย่างในปัจจุบันยังมีองค์กรหรือกระบวนการทางธุรกิจอยู่เป็นจำนวนมากที่ยังคงใช้กระดาษเกินความจำเป็นอยู่ เช่น การพิมพ์เอกสารแจกจ่ายในการประชุม แบบฟอร์มใบสมัครหรือกรอกข้อมูล คู่มือการทำงานต่างๆ โมเดลและภาพวาดที่สร้างขึ้นในซอฟต์แวร์ CAD ที่ยังคงต้องพิมพ์ออกมาใช้งาน เป็นต้น สิ่งที่เกิดขึ้นแน่นอนว่านอกจากจะทำให้กระบวนการทางธุรกิจไม่มีประสิทธิภาพแล้ว ยังเกิดต้นทุนในการจัดการและการจัดเก็บเอกสารเหล่านั้นอีกด้วย

ทั้งนี้องค์กรต่างๆ ใช้จ่ายเงินหลายล้านดอลลาร์ในแต่ละปี เพื่อใช้เทคโนโลยีในการจัดการและขจัดขั้นตอนการทำงานที่ใช้กระดาษออกไป แต่สิ่งที่เกิดขึ้น คือ เมื่อเวลาต้องเก็บข้อมูลสำคัญ เช่น ลายเซ็น ก็ยังเปลี่ยนกลับไปใช้กระบวนกระดาษแบบเดิมที่ยุ่งยาก และมากด้วยขั้นตอน ทั้งการเตรียมเอกสาร การพิมพ์เอกสารหลายชุด การเซ็นชื่อในเอกสาร การสแกนเอกสารที่เซ็นชื่อเพื่อแปลงเป็น PDF การส่งอีเมลถึงลูกค้าและบันทึกเอกสารดิจิตอลลงในระบบจัดการเอกสาร และสุดท้ายจัดเก็บเอกสารกระดาษต้นฉบับที่ลงนามแล้ว จะเห็นได้ว่าตัวเอกสารได้ผ่านขั้นตอนที่ยุ่งยากมากมาย

Wacom จึงพัฒนาฮาร์ดแวร์สำหรับการกรอกแบบฟอร์มเอกสารอิเล็กทรอนิกส์และเซ็นสัญญาอิเล็กทรอนิกส์ ที่จะช่วยลดขั้นตอนที่ยุ่งยากเหล่านี้ ให้เหลือเพียงแค่ไม่กี่ขั้นตอนเท่านั้น (การเตรียมเอกสาร การลงชื่อบนแผ่นลายเซ็น และการส่งอีเมลถึงลูกค้า) ส่งผลให้สามารถลดต้นทุนในการพิมพ์และค่าใช้จ่ายในการซื้อกระดาษได้เป็นอย่างดี และประหยัดเวลาการทำงาน เนื่องด้วยขั้นตอนการทำงานที่ลดลงเช่นกัน

ขีดเขียนและเรียนรู้

การเขียนตัวอักษรและตัวเลขด้วยมือเป็นการฝึกใช้สมองในคิดหาจดจำและคำตอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ การคงไว้ซึ่งการเรียนรู้แบบดั้งเดิมนี้โดยผนวกเข้ากับการใช้เทคโนโลยีทางดิจิตอลในการจัดการข้อมูล จะสามารถสร้างสภาพแวดล้อมทางการศึกษาที่เหมาะสมและเข้ากับนักเรียนแต่ละคนได้อย่างยอดเยี่ยม

ติดตามนักเรียนอย่างใกล้ชิด

ด้วยซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการติดตามและตรวจสอบลายมือของนักเรียนที่พัฒนาโดย Wacom ครูผู้สอนสามารถมองเห็นเด็กๆ ทั้งหมดได้ผ่านทางหน้าจอเพียงหน้าจอเดียว เพื่อตรวจสอบว่าเด็กแต่ละคนมีปัญหาอย่างไร เป็นการลดภาระหน้าที่ของครูผู้สอนที่ไม่จำเป็นต้องไปคอยสังเกตเด็กแต่ละคน ซึ่งก็อาจจะมีการตกหล่นและมองข้ามไปได้

เรียนร่วมกันด้วยห้องเรียนออนไลน์

หากมีความจำเป็นหรือต้องการเรียนผ่านทางช่องทางออนไลน์ก็ไม่มีปัญหา ด้วย Inkspace แอปพลิเคชันที่พัฒนาโดย Wacom ซึ่งถือว่าเป็นการศึกษาแห่งอนาคตเลยก็ว่าได้ เพราะนักเรียนแต่ละคนจะสามารถเขียนข้อความต่างๆ โต้ตอบกับครูผู้สอนได้แบบเรียลไทม์และข้อความเหล่านั้นจะถูกบันทึกไว้ด้วย