28 March, 2025 : By Admin Web3



ประโยชน์ของ BIM: ทำไมวงการก่อสร้างยุคใหม่ต้องใช้ BIM? [2025]

ทำไม BIM ถึงกลายเป็น "มาตรฐานใหม่" ในวงการก่อสร้างยุคปัจจุบัน? คำตอบง่ายๆ คือ "BIM มอบประโยชน์มากมาย" ที่ช่วยแก้ปัญหาและยกระดับการทำงานในทุกขั้นตอนของโครงการก่อสร้าง ตั้งแต่การออกแบบ การก่อสร้าง ไปจนถึงการบริหารจัดการอาคารในระยะยาว

 

ปัญหาและความท้าทายในวงการก่อสร้างแบบเดิมๆ:

ก่อนที่จะไปดูประโยชน์ของ BIM เรามาดูกันก่อนว่า วงการก่อสร้างแบบเดิมๆ นั้นเจอปัญหาและความท้าทายอะไรบ้าง

 

  • ความผิดพลาดในการออกแบบ: แบบ 2 มิติ อาจจะไม่ชัดเจน ทำให้เกิดความเข้าใจผิด และนำไปสู่ความผิดพลาดในการก่อสร้าง

  • ต้นทุนบานปลาย: ความผิดพลาด การแก้ไขงานหน้างาน และการประสานงานที่ไม่ดี ทำให้ต้นทุนโครงการบานปลาย

  • งานล่าช้า: การประสานงานที่ไม่คล่องตัว การแก้ไขปัญหาหน้างาน และการเปลี่ยนแปลงแบบ ทำให้งานก่อสร้างล่าช้ากว่ากำหนด

  • การสื่อสารที่ผิดพลาด: การสื่อสารระหว่างทีมออกแบบ ทีมก่อสร้าง และเจ้าของโครงการที่ไม่ชัดเจน ทำให้เกิดความเข้าใจผิด และปัญหาตามมา

 

BIM เข้ามาช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร? BIM เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานแบบเดิมๆ และนำเสนอแนวทางใหม่ๆ ที่ช่วยแก้ปัญหาและความท้าทายเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประโยชน์ของ BIM ในแต่ละด้าน (Benefits of BIM in different aspects):

BIM มอบประโยชน์ที่ครอบคลุมในทุกด้านของโครงการก่อสร้าง

 

  • 1. ด้านการออกแบบ (Design Benefits):

    • Visualize Design: เห็นภาพ 3 มิติ เข้าใจง่าย ตัดสินใจแม่นยำ

      • โมเดล 3 มิติ: BIM สร้าง "โมเดล 3 มิติ" ที่สมจริง ช่วยให้สถาปนิก วิศวกร และเจ้าของโครงการ "เห็นภาพอาคาร" ได้ชัดเจนตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ

      • Design Review: การเห็นภาพ 3 มิติ ช่วยให้ "การตรวจสอบแบบ (Design Review)" มีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถ "ระบุปัญหาและแก้ไข" ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะเกิดปัญหาในหน้างานจริง

      • Better Communication: โมเดล 3 มิติ ช่วยให้ "การสื่อสาร" ระหว่างทีมออกแบบกับเจ้าของโครงการดีขึ้น ทำให้เจ้าของโครงการเข้าใจแบบได้ง่ายขึ้น และสามารถให้ Feedback ได้อย่างตรงจุด

    • Clash Detection: ตรวจสอบความขัดแย้ง ลดปัญหาหน้างาน

      • Clash Detection Software: BIM Software มีฟีเจอร์ "Clash Detection" ที่ช่วย "ตรวจสอบความขัดแย้ง" ของระบบต่างๆ ในโมเดล BIM เช่น ระบบท่อ ระบบไฟฟ้า ระบบโครงสร้าง

      • Early Problem Solving: การตรวจพบ Clash ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ช่วยให้ "แก้ไขปัญหา" ได้ล่วงหน้า "ลดปัญหาหน้างาน" ที่เกิดจากความขัดแย้งของระบบต่างๆ และลดงานแก้ไขหน้างาน

      • Cost Saving: ลดงานแก้ไขหน้างาน หมายถึง "ลดต้นทุน" และ "ลดเวลา" ในการก่อสร้าง

    • Design Optimization: ออกแบบให้ดีขึ้น ประสิทธิภาพสูงขึ้น

      • Analysis & Simulation: BIM รองรับ "การวิเคราะห์และจำลอง" ประสิทธิภาพอาคารในด้านต่างๆ เช่น "การวิเคราะห์พลังงาน" "การวิเคราะห์แสงสว่าง" "การวิเคราะห์โครงสร้าง"

      • Performance-Based Design: ผลการวิเคราะห์ ช่วยให้ผู้ออกแบบ "ปรับปรุงการออกแบบ" ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เช่น ออกแบบอาคารประหยัดพลังงาน ออกแบบโครงสร้างที่แข็งแรงและปลอดภัย

      • Sustainable Design: BIM สนับสนุน "การออกแบบอาคารยั่งยืน" ช่วยในการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และออกแบบอาคารที่ประหยัดพลังงาน

  •  

  • 2. ด้านการก่อสร้าง (Construction Benefits):

    • Improved Coordination: ประสานงานดีขึ้น ทีมงานเข้าใจตรงกัน

      • BIM as Communication Platform: BIM Model เป็น "แพลตฟอร์มกลาง" ในการสื่อสารและประสานงานระหว่างทีมออกแบบและทีมก่อสร้าง ทุกคนทำงานบนโมเดล BIM เดียวกัน ทำให้ "ข้อมูลเป็นปัจจุบัน" และ "ทุกคนเข้าใจตรงกัน"

      • Reduced Communication Errors: ลดความเข้าใจผิดในการสื่อสาร ลดปัญหาการตีความแบบผิดพลาด

      • Faster Decision Making: การสื่อสารที่ดีขึ้น ช่วยให้ "การตัดสินใจ" ในการก่อสร้างเป็นไปอย่าง "รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ"

    • Reduced Rework: ลดงานแก้ไขหน้างาน งานเสร็จตามแผน

      • Design Error Prevention: BIM ช่วย "ป้องกันความผิดพลาด" ในการออกแบบตั้งแต่เนิ่นๆ ทำให้ "ลดงานแก้ไขหน้างาน" ที่เกิดจากความผิดพลาดในการออกแบบ

      • Clash-Free Design: การทำ Clash Detection ในขั้นตอนออกแบบ ช่วยให้ "แบบก่อสร้างมีความสมบูรณ์" มากขึ้น ลดปัญหาการชนกันของระบบต่างๆ ในหน้างาน

      • On-Time Completion: ลดงานแก้ไขหน้างาน ช่วยให้งานก่อสร้าง "เสร็จตามแผน" หรือเร็วกว่ากำหนด

    • Accurate Quantity Takeoff: ถอดปริมาณวัสดุแม่นยำ คุมงบประมาณได้

      • Automatic Quantity Extraction: BIM สามารถ "ถอดปริมาณวัสดุ" จากโมเดล BIM ได้ "อัตโนมัติ" และ "แม่นยำ" ไม่ต้องเสียเวลาถอด BOQ แบบ Manual เหมือนเดิม

      • Cost Estimation: ปริมาณวัสดุที่แม่นยำ ช่วยในการ "ประมาณราคาค่าก่อสร้าง" ได้แม่นยำมากขึ้น ลดความเสี่ยงงบประมาณบานปลาย

      • Material Procurement: ข้อมูลปริมาณวัสดุ ช่วยในการ "จัดซื้อวัสดุ" ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สั่งวัสดุได้ตรงตามความต้องการ ลดวัสดุเหลือทิ้ง

    • 4D BIM (Time): วางแผนก่อสร้าง 4 มิติ เห็นภาพรวม เข้าใจง่าย

      • 4D Simulation: BIM 4D คือการ "เชื่อมโยงโมเดล 3 มิติ กับ ข้อมูลเวลา" (Schedule) ทำให้สามารถ "จำลองแผนงานก่อสร้าง 4 มิติ" เห็นภาพลำดับขั้นตอนการก่อสร้าง

      • Construction Sequencing: 4D BIM ช่วยในการ "วางแผนลำดับขั้นตอนการก่อสร้าง" ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาการทำงานซ้ำซ้อน หรือขั้นตอนที่ไม่ต่อเนื่อง

      • Project Visualization: 4D BIM ช่วยให้ทีมงานและเจ้าของโครงการ "เห็นภาพรวมของโครงการ" และ "เข้าใจแผนงานก่อสร้าง" ได้ง่ายขึ้น

    • 5D BIM (Cost): ควบคุมงบประมาณ 5 มิติ บริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

      • 5D Cost Management: BIM 5D คือการ "เชื่อมโยงโมเดล 3 มิติ กับ ข้อมูลราคา" ทำให้สามารถ "บริหารจัดการต้นทุนโครงการ 5 มิติ" ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

      • Cost Tracking & Control: 5D BIM ช่วยในการ "ติดตามและควบคุมต้นทุน" โครงการได้อย่างใกล้ชิด สามารถ "เปรียบเทียบงบประมาณ vs ค่าใช้จ่ายจริง" ได้ตลอดเวลา

      • Value Engineering: 5D BIM ช่วยในการ "วิเคราะห์ Value Engineering" หาแนวทางในการลดต้นทุน โดยไม่กระทบต่อคุณภาพของโครงการ

  •  

  • 3. ด้านการบริหารจัดการโครงการ (Project Management Benefits):

    • Better Communication: สื่อสารดีขึ้น ทีมงานเข้าใจตรงกัน (ย้ำอีกครั้งถึงความสำคัญของการสื่อสาร)

    • Improved Collaboration: ทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น ข้อมูลเป็นหนึ่งเดียว (ย้ำอีกครั้งถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกัน)

    • Data-Driven Decision Making: ตัดสินใจด้วยข้อมูล แม่นยำ โปร่งใส

      • Real-Time Data: BIM Model เป็นแหล่งข้อมูล "Real-Time" ของโครงการ ผู้บริหารโครงการสามารถเข้าถึงข้อมูลล่าสุดได้ตลอดเวลา

      • Informed Decisions: ข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำ ช่วยให้ "การตัดสินใจ" ในการบริหารโครงการเป็นไปอย่าง "มีข้อมูลรองรับ" และ "โปร่งใส"

      • Risk Management: ข้อมูล BIM ช่วยในการ "ประเมินความเสี่ยง" และ "วางแผนรับมือ" กับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในโครงการ

    • Lifecycle Management: บริหารจัดการอาคาร ตลอดอายุการใช้งาน

      • As-Built BIM Model: เมื่อโครงการก่อสร้างเสร็จสิ้น จะได้ "โมเดล BIM As-Built" ที่เป็น "ข้อมูลอาคารที่สมบูรณ์" และ "เป็นปัจจุบัน"

      • Facility Management (FM): โมเดล As-Built BIM สามารถนำไปใช้ในการ "บริหารจัดการอาคาร (Facility Management)" ในระยะยาว เช่น การบำรุงรักษา การปรับปรุงอาคาร การบริหารพื้นที่ใช้สอย

 

ตัวอย่างโครงการที่ประสบความสำเร็จจากการใช้ BIM (Success Stories of BIM Projects):

มี "โครงการมากมายทั่วโลก" ที่ประสบความสำเร็จจากการนำ BIM ไปใช้จริง ตัวอย่างเช่น:

 

  • สนามบิน Heathrow Terminal 5 (London, UK): ใช้ BIM ในการออกแบบและก่อสร้างอาคารผู้โดยสารขนาดใหญ่ ช่วยลดความผิดพลาด ลดเวลา และควบคุมต้นทุนโครงการ

  • Shanghai Tower (Shanghai, China): ใช้ BIM ในการออกแบบอาคารสูงระฟ้า ที่มีความซับซ้อนทางด้านโครงสร้างและระบบวิศวกรรม ช่วยให้การก่อสร้างเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

  • Singapore Sports Hub (Singapore): ใช้ BIM ในการออกแบบและก่อสร้างสนามกีฬาขนาดใหญ่ ที่มีโครงสร้างซับซ้อนและระบบวิศวกรรมที่ทันสมัย ช่วยให้การก่อสร้างเสร็จตามกำหนดและได้คุณภาพตามต้องการ

 

BIM ช่วยแก้ปัญหาอะไรในวงการก่อสร้าง? (What problems does BIM solve?)

สรุปอีกครั้ง BIM เข้ามาช่วยแก้ปัญหาหลักๆ ในวงการก่อสร้าง ดังนี้:

 

  • ลดต้นทุนโครงการ (Cost Reduction)

  • ลดระยะเวลาก่อสร้าง (Time Saving)

  • เพิ่มคุณภาพงานก่อสร้าง (Quality Improvement)

  • ลดความเสี่ยงและข้อผิดพลาด (Risk & Error Reduction)

  • ปรับปรุงการสื่อสารและประสานงาน (Communication & Collaboration Enhancement)

  • บริหารจัดการโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ (Project Management Efficiency)

  • บริหารจัดการอาคารในระยะยาว (Lifecycle Management)

 

สรุป

 

BIM คือ "เครื่องมือทรงพลัง" ที่จะช่วย "ยกระดับวงการก่อสร้าง" ให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น ด้วยประโยชน์ที่มากมายและครอบคลุม BIM จึงกลายเป็น "สิ่งที่ขาดไม่ได้" สำหรับองค์กรก่อสร้างยุคใหม่ ที่ต้องการ "เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน" และ "สร้างความแตกต่าง" ในตลาด

 

ก้าวต่อไป: หากคุณต้องการที่จะนำ BIM ไปใช้ในองค์กรของคุณ อย่ารอช้า เริ่มศึกษาและเรียนรู้ BIM ตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้องค์กรของคุณพร้อมที่จะ "เติบโตและก้าวหน้า" ไปพร้อมกับเทคโนโลยีก่อสร้างแห่งอนาคต

 

คำถามที่พบบ่อย (FAQ):

A: BIM เหมาะกับโครงการก่อสร้างทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น อาคารสูง โรงงาน โรงพยาบาล สนามบิน โครงสร้างพื้นฐาน แต่โครงการที่ซับซ้อนและมีทีมงานขนาดใหญ่ จะได้รับประโยชน์จาก BIM มากเป็นพิเศษ

A: การนำ BIM ไปใช้ อาจจะต้องลงทุนในด้าน ซอฟต์แวร์ BIM, Hardware (คอมพิวเตอร์ที่แรงพอ), การฝึกอบรมบุคลากร, และการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงาน

A: BIM ไม่ได้เข้ามาแทนที่คนทำงาน แต่ BIM เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คนทำงานทำงานได้ "มีประสิทธิภาพมากขึ้น" และ "ทำงานที่ซับซ้อนได้ง่ายขึ้น" บุคลากรที่เข้าใจ BIM และสามารถใช้ BIM ได้ จะเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต

A: มีแหล่งเรียนรู้ BIM มากมาย ทั้ง คอร์สเรียนออนไลน์ หนังสือ บทความ เว็บไซต์ YouTube ควรเริ่มต้นจากการเรียนรู้พื้นฐาน BIM และลองใช้ซอฟต์แวร์ BIM เบื้องต้น เช่น Revit LT หรือเวอร์ชั่น Trial

 

 


 

สั่งซื้อ Autodesk ของแท้จากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการได้ที่นี่ >>> Autodesk

สอบถามรายละเอียดโปรแกรมเพิ่มเติมได้ที่ 02-725-6400 , 084-424-2428

 

Tags : ประโยชน์ BIM, BIM ดีอย่างไร, BIM ข้อดี, BIM Advantages, BIM Benefits, BIM ในงานก่อสร้าง, BIM ลดต้นทุน, BIM ลดเวลา, BIM เพิ่มคุณภาพ, BIM Project Management, BIM Workflow, BIM Collaboration