27 March, 2025 : By Admin Web3
BIM คืออะไร? เจาะลึก Building Information Modeling ฉบับเข้าใจง่าย [2025]
เคยไหมที่งานออกแบบก่อสร้างเกิดปัญหาหน้างานซ้ำซาก?
เบื่อไหมกับงบประมาณที่บานปลายและงานที่ล่าช้า?
ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
วงการก่อสร้างก็ไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาตัวเองให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Building Information Modeling หรือ BIM
คือเทคโนโลยีและกระบวนการทำงานที่กำลังเข้ามาปฏิวัติวงการก่อสร้างอย่างแท้จริง
BIM ไม่ใช่แค่ซอฟต์แวร์ 3 มิติสวยๆ แต่เป็น
"หัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัลในอุตสาหกรรมก่อสร้าง" มันคือ
"กระบวนการสร้างและบริหารจัดการข้อมูลของอาคารตลอดวัฏจักรชีวิต"
ตั้งแต่แนวคิดเริ่มต้น ออกแบบ ก่อสร้าง ไปจนถึงการบำรุงรักษาอาคารในระยะยาว
บทความนี้จะพาคุณไป "เจาะลึก BIM ฉบับเข้าใจง่าย" ตั้งแต่คำนิยาม
องค์ประกอบสำคัญ ประโยชน์ที่ BIM มอบให้ และความแตกต่างระหว่าง BIM กับ CAD
แบบเดิมๆ เพื่อให้คุณเข้าใจภาพรวมของ BIM
และพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่โลกแห่งการก่อสร้างดิจิทัล
BIM คืออะไร? (What is BIM?)
ถ้าให้พูดง่ายๆ BIM ก็คือ "โมเดลจำลองอาคารแบบดิจิทัล" ที่ฉลาดกว่าเดิม
ลองนึกภาพการสร้างบ้านด้วย LEGO ในวัยเด็ก BIM ก็คล้ายกัน
แต่เป็นการสร้างบ้านเสมือนจริงบนคอมพิวเตอร์ ที่ไม่ใช่แค่รูปร่างหน้าตา 3 มิติ
แต่ยัง "ใส่ข้อมูล" ทุกอย่างที่เกี่ยวกับบ้านหลังนั้นลงไปด้วย
Building Information Modeling - ถอดรหัส BIM:
Building (สิ่งก่อสร้าง): BIM ไม่ได้จำกัดแค่อาคารสูง
หรือบ้านพักอาศัยเท่านั้น แต่ครอบคลุม
"สิ่งก่อสร้างทุกประเภท" ไม่ว่าจะเป็น โรงงาน สะพาน อุโมงค์
หรือโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
Information (ข้อมูล): หัวใจสำคัญของ BIM คือ
"ข้อมูล" ที่อยู่ในโมเดล ไม่ใช่แค่รูปทรง 3 มิติสวยๆ
ข้อมูลเหล่านี้มีตั้งแต่ "ข้อมูลทางกายภาพ" เช่น ขนาด วัสดุ คุณสมบัติ
ไปจนถึง "ข้อมูลเชิงบริหารจัดการ" เช่น ราคา กำหนดการก่อสร้าง
ข้อมูลการบำรุงรักษา
Modeling (การสร้างโมเดล): BIM คือกระบวนการ
"สร้างโมเดลเสมือนจริง"
ของอาคาร ไม่ใช่แค่การ "วาดรูป" ใน CAD แบบเดิมๆ โมเดล BIM เป็น
"โมเดลอัจฉริยะ" ที่มีการเชื่อมโยงข้อมูลกัน
ทำให้การแก้ไขเปลี่ยนแปลงโมเดลเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว
องค์ประกอบหลักของ BIM (Key Components of BIM): 4 เสาหลัก BIM
BIM ไม่ใช่แค่ซอฟต์แวร์ แต่เป็นการทำงานร่วมกันของ 4 องค์ประกอบหลัก หรือ "4
เสาหลัก BIM" ที่จะช่วยขับเคลื่อนโครงการก่อสร้างให้มีประสิทธิภาพ
1. Model (โมเดล): หัวใจของ BIM
โมเดล 3 มิติ: โมเดล BIM คือ
"ศูนย์กลางของข้อมูล" ทุกอย่างในโครงการ เป็นเหมือน
"ฐานข้อมูลอาคารแบบดิจิทัล"
ที่ทุกคนในโครงการสามารถเข้าถึงและใช้งานร่วมกันได้
ประเภทโมเดล BIM: โมเดล BIM ไม่ได้มีแค่โมเดลเดียว
แต่แบ่งออกเป็นหลายประเภทตามสาขา เช่น
"โมเดลสถาปัตยกรรม" "โมเดลโครงสร้าง" "โมเดลงานระบบ (MEP)"
ซึ่งแต่ละโมเดลจะมีความละเอียดและข้อมูลที่แตกต่างกัน
Common Data Environment (CDE): "สภาพแวดล้อมข้อมูลส่วนกลาง" หรือ
CDE คือ "แพลตฟอร์มออนไลน์" ที่ใช้ในการจัดเก็บ บริหารจัดการ
และแลกเปลี่ยนข้อมูล BIM ระหว่างทีมงาน
ช่วยให้ทุกคนทำงานบนข้อมูลชุดเดียวกัน ลดความซ้ำซ้อนและความผิดพลาด
2. Information (ข้อมูล): ขุมทรัพย์แห่งความรู้ในโมเดล BIM
ข้อมูลหลากหลาย: ในโมเดล BIM ไม่ได้มีแค่รูปทรง 3 มิติ แต่ยัง
"อัดแน่นไปด้วยข้อมูล" มหาศาล ทั้ง
"ข้อมูลเชิงเรขาคณิต (Geometric Data)" เช่น ขนาด รูปร่าง ตำแหน่ง
และ "ข้อมูลที่ไม่ใช่เชิงเรขาคณิต (Non-Geometric Data)" เช่น
วัสดุ ราคา คุณสมบัติทางกายภาพ ข้อมูลการบำรุงรักษา
ประโยชน์ของข้อมูล: ข้อมูลเหล่านี้เองที่เป็น "กุญแจสำคัญ"
ที่ทำให้ BIM มีประโยชน์อย่างมหาศาล ช่วยในการวิเคราะห์ ออกแบบ
ประมาณราคา วางแผนงาน และบริหารจัดการอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มาตรฐานข้อมูล BIM: เพื่อให้ข้อมูล BIM
สามารถใช้งานร่วมกันได้อย่างราบรื่น จึงมี "มาตรฐานข้อมูล BIM"
กำหนดรูปแบบและโครงสร้างข้อมูล
เพื่อให้ทุกคนเข้าใจและใช้งานข้อมูลในรูปแบบเดียวกัน
3. Collaboration (การทำงานร่วมกัน): หัวใจของการทำงาน BIM
ทีมเวิร์ค BIM: BIM ส่งเสริม "การทำงานร่วมกัน"
ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในโครงการ ตั้งแต่ สถาปนิก วิศวกร ผู้รับเหมา
เจ้าของโครงการ ไปจนถึงผู้บริหารจัดการอาคาร
ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้งานโมเดล BIM ร่วมกันได้
Workflow BIM: BIM Workflow หรือ "กระบวนการทำงาน BIM"
กำหนดขั้นตอนและวิธีการทำงานร่วมกันบน BIM Platform
เพื่อให้การทำงานเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ
Communication BIM: BIM ช่วยให้
"การสื่อสาร" ระหว่างทีมงานดีขึ้น ลดความเข้าใจผิด
และแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
4. Process (กระบวนการ): BIM ตลอดวัฏจักรชีวิตโครงการ
BIM Lifecycle: BIM ครอบคลุม
"ทุกขั้นตอนของโครงการ" ตั้งแต่
"การวางแผน (Planning)" "การออกแบบแนวคิด (Conceptual Design)"
"การพัฒนาแบบ (Design Development)" "การทำแบบก่อสร้าง (Construction
Documentation)" "การบริหารงานก่อสร้าง (Construction
Administration)"
ไปจนถึง "การบริหารจัดการอาคาร (Facility Management)"
BIM Stages: BIM Workflow แบ่งออกเป็น
"ขั้นตอนต่างๆ" ที่ชัดเจน
เพื่อให้การทำงานเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ
BIM Uses: BIM สามารถนำไป "ประยุกต์ใช้"
ได้หลากหลายในแต่ละขั้นตอนของโครงการ เช่น การวิเคราะห์พลังงาน
การจำลองการก่อสร้าง การบริหารจัดการสินทรัพย์อาคาร
ประโยชน์ของ BIM (Benefits of BIM)
BIM มอบ "ประโยชน์มากมาย" ให้กับทุกฝ่ายในโครงการก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็น
"ลดต้นทุน ลดเวลา เพิ่มคุณภาพงาน
และบริหารจัดการโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ"
แต่ประโยชน์ที่แท้จริงของ BIM นั้นมีอะไรบ้าง? ติดตามต่อในหัวข้อที่ 3
เพื่อเจาะลึกประโยชน์ของ BIM อย่างละเอียด
BIM เหมาะกับใคร? (Who is BIM for?)
BIM ไม่ได้จำกัดอยู่แค่โครงการขนาดใหญ่ หรือองค์กรใหญ่ๆ เท่านั้น แต่ BIM
"เหมาะสำหรับทุกคน" ที่เกี่ยวข้องในวงการก่อสร้าง ไม่ว่าคุณจะเป็น:
สถาปนิก: ใช้ BIM ในการออกแบบ สร้างสรรค์ผลงาน Visualization และ
Design Review ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิศวกร (โครงสร้าง, MEP): ใช้ BIM ในการวิเคราะห์ ออกแบบระบบ
ประสานงาน และลดปัญหา Clash Detection ได้อย่างแม่นยำ
ผู้รับเหมา: ใช้ BIM ในการวางแผน บริหารจัดการหน้างาน ถอดปริมาณวัสดุ
และลดความเสี่ยงในการก่อสร้าง
เจ้าของโครงการ/ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์: ใช้ BIM ในการตัดสินใจ
วางแผนโครงการ ควบคุมงบประมาณ และเพิ่มมูลค่าโครงการ
ผู้จัดการโครงการ: ใช้ BIM ในการบริหารจัดการโครงการ
ติดตามความก้าวหน้า สื่อสารกับทีมงาน และควบคุมคุณภาพโครงการ
ตารางเปรียบเทียบ AutoCAD vs Revit
คุณสมบัติ
CAD (เช่น AutoCAD)
BIM (เช่น Revit)
มิติ
2D/3D Drafting
3D Modeling + Information
ข้อมูล
Geometric Data
Geometric + Non-Geometric Data
การทำงาน
Individual
Collaborative
วัตถุประสงค์
Drawing Creation
Building Lifecycle Management
การเปลี่ยนแปลงแก้ไข
Manual Update
Parametric Change Management
เปรียบเทียบง่ายๆ: CAD เหมือน "ภาพวาด" ที่สวยงาม
แต่ขาดข้อมูลเชิงลึก ส่วน BIM เหมือน "โมเดลจำลอง" ที่มีข้อมูลครบถ้วน
สามารถนำไปวิเคราะห์ วางแผน และบริหารจัดการได้จริง
สรุป
BIM คือ "อนาคตของวงการก่อสร้าง" อย่างแท้จริง การทำความเข้าใจ BIM และนำ
BIM ไปปรับใช้ในองค์กร จะช่วยให้คุณ "ก้าวทันเทคโนโลยี" และ
"เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน" ในยุคดิจิทัลนี้
อนาคตของ BIM: BIM ไม่หยุดพัฒนาและเติบโตอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยีใหม่ๆ
เช่น "Digital Twin" "Smart Buildings" "Sustainable Design"
กำลังเข้ามามีบทบาทในโลก BIM มากยิ่งขึ้น การเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับ BIM
จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่อยู่ในวงการก่อสร้าง
ก้าวต่อไป: หากคุณสนใจที่จะเรียนรู้ BIM เพิ่มเติม
อย่าพลาดบทความต่อไปในซีรีส์ BIM ของเรา ที่จะพาคุณไปเจาะลึกในเรื่องต่างๆ ของ
BIM อย่างละเอียด
สั่งซื้อ Autodesk ของแท้จากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการได้ที่นี่ >>>
Autodesk
สอบถามรายละเอียดโปรแกรมเพิ่มเติมได้ที่ 02-725-6400 , 084-424-2428
Tags : RBIM คืออะไร, Building Information Modeling, BIM 2025, BIM กับ CAD
ต่างกันยังไง, BIM Benefits, BIM Software, BIM vs CAD, Revit vs AutoCAD, BIM
สำหรับมือใหม่, การใช้ BIM ในงานก่อสร้าง, BIM Workflow, BIM Process, BIM
Collaboration, Digital Twin, Smart Building, Sustainable Design, BIM
Learning, BIM Training